จากโพสต์ที่แล้ว ผมลืมจุดสำคัญเสียสนิทเลย 10 ขั้นตอนง่ายๆสำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ ที่ Robert เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้
1.เริ่มต้นธุรกิจ
2.ล้มเหลวและเรียนรู้
3.หาพี่เลี้ยง
4.ล้มเหลวและเรียนรู้
5.ไปเรียนเสียบ้าง
6.ล้มเหลวและเรียนรู้อีก
7.หยุดเมื่อประสบความสำเร็จ
8.ฉลองชัยชนะ
9.นับเงินที่ได้ ชัยชนะ และความพ่ายแพ้
10.เริ่มกระบวนการใหม่อีกครั้ง
สิ่งที่ผมอยากจะเน้นให้ผู้อ่านทุกคนเหมือนที่ Robert พยายามเน้นอยู่เสมอ นั่นก็คือ "อย่ากลัวที่จะล้มเหลว" อย่างที่กล่าวไปนั่นแหละครับ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าให้ล้มเหลวเยอะนะครับ แบบนั้นคงเจ๊งพอดี แต่ที่จะแนะนำคือล้มแล้วลุก แต่ก่อนลุกให้เรียนรู้จากมันก่อน แนวคิดนี้ผมได้จากจากคุณตันครับ ผมเคยดูสัมพาสของคุณตันใน spokedark.tv เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะรู้จัก คุณตันเค้าบอกว่า "เวลาล้ม ก่อนจะลุกให้มองดูรอบๆตัวก่อน บางทีคุณอาจจะเจอเพชรตกอยู่ก็เป็นได้" คือมันสำคัญที่ตรงนี้แหละครับ ผมเคยรับจ้างทำนู้นทำนี้บ้าง แต่ตอนแรกๆที่ทำไม่ได้คิดถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆเลย คิดถึงแค่ค่าวัตถุดิบ จึงทำให้การทำธุรกิจครั้งนั้นค่อนข้างขาดทุน แต่แทนที่ผมจะยกเลิกไม่ทำอีกเลย ผมได้เห็นว่า ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมคิดรอบคอบยิ่งขึ้นซึ่งมันมีค่ามากกว่าตังที่เสียไปครั้งนั้นหลายเท่าเลยทีเดียวและผมอยากให้ทุกคนลองหาประสบการณ์ด้านอื่นๆดูบ้าง มีหลายคนที่อยากพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ แต่มีสักกี่คนที่ทำจริงๆ อันนี้ผมอ่านมาจาก "มองโลก CEO ภาค 4" ของคุณวิกรม กรมดิษฐ์ หรือบางคนอาจจะเคยอ่านหนังสือที่มีชื่อว่า "ผมจะเป็นคนดี" เล่มนี้แหละที่ทำให้ผมได้รู้จักกับเขา (เทนซิง นอร์เก และ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี คือ สองผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์) รายละเอียดสามารถอ่านได้ในหนังสือที่ผมกล่าวถึง ซึ่งจะเป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับบุคคลสำคัญๆ ในความคิดเห็นของผมถือว่าเป็นหนังสือที่เขียนได้ดีมาก อ่านเพลินจบได้ในวันเดียว คงเป็นเพราะได้นักเขียนฝีมือเยี่ยมอย่าง คุณวิมล ไทรนิ่มนวล
ต้องขอโทษผู้อ่านด้วยนะครับ บางคนอาจจะคิดว่าผมพูดถึงหนังสือเล่มนู้นเล่มนี้ที เพราะผมคิดอะไรได้ผมก็พิมมันออกมาเลย ซึ่งจากการที่ผมได้อ่านหนังสือมาในระดับนึง ทำให้ผมเห็นว่า "นักเขียนทุกคนนั้นมีแนวคิดที่เหมือนกัน เพียงแต่รูปแบบการพูดที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง" เหมือนที่ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีนั่นแหละครับ
เพราะฉะนั้นผมขอย้อนกลับไปถึง 10 ข้อที่ผมนำมาจากหนังสือของ Robert นะครับ มีจุดนึงที่ผมอยากจะให้สังเกตจากข้อ 10 จะเห็นได้ว่า สุดท้ายเราก็ต้องเริ่มไปทำข้อหนึ่งใหม่ ซึ่งอาจมีคนสงสัยว่า แล้วเราจะหยุดเมื่อไหร่หล่ะ นั่นแหละประเด็นเลยครับ เช่นเดียวกันกับชีวิตจริงของเรา มีใครที่ประสบความสำเร็จแล้วคิดว่านั่นเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้ว หรือล้มเหลวแย่ที่สุดในชีวิตแล้ว อันนี้ผมเองก็เคยคิดนะ แต่เพียงไม่กี่เดือนต่อมาผมก็พบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เห็นมั้ยครับ แล้วใครจะยืนยันได้ว่านั่นคือที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นคนรวยถึงยังหาตังเพิ่มเรื่อยๆเพราะนั่นคือความสุขของเขา ผมเชื่อว่าหลายคนคิดว่ามีเงินสิบล้านคงพอ แต่เชื่อผมสิครับเมื่อถึงตอนนั้นคุณอาจจะไม่พอก็ได้นะ
ปิดท้ายโพสต์นี้จากข้อความของรายการ "อายุน้อยร้อยล้าน" เค้าเคยสัมพาสเจ้าของธุรกิจเก๋าลัด ไม่ใช่เถ้าแก่น้อยนะครับ ผมชอบอยู่ประโยคนึงที่เขาพูดว่า "ทำผิดทำถูกขอให้ผมได้ทำ" ขอให้ลองกลับไปคิดประโยคนี้ดูนะครับ และลองเริ่มทำอะไรบาางอย่าง อะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ ไม่ต้องเกี่ยวกับเรื่องเงิน เหมือนบล๊อคที่ผมทำอยู่นี้ก็เพราะผมอยากทำมัน และเห็นว่ามันดป็นประโยชน์ ขอให้ทุกคนลองออกไปทำ ออกไปพบโลกกว้างกันครับ แล้วคุณจะพบความสุขจากสิ่งเล็กๆน้อยๆครับ
" ทุกอย่างยากแค่ตอนเริ่มครับ ทำไปทำมาเดี๋ยวมันก็จะง่ายขึ้นเองถ้าล้มก็ค่อยๆลุกและเรียนรู้ คิดสะว่าแค่วันนี้เรายังไม่รู้เท่านั้นเอง อย่างน้อยเราก็ฉลาดขึ้นกว่าเมื่อวานทำได้แบบนี้นานๆเข้าผมเชื่อว่า ทุกคนก็เก่งได้ครับ "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น