ผมเคยได้ยินมุขตลกอยู่อันนึง เค้าเล่าว่า "คุณเรียกคนที่พูดได้สามภาษาว่าอะไร 'trilingual' แล้วคนที่พูดได้สองภาษาหล่ะ 'bilingual' แล้วคนที่พูดได้ภาษาเดียวหล่ะ 'American' " บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ เพราะเราใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลยังไงหล่ะครับ เค้าจึงไม่จำเป็นต้องฝึกภาษาชาติอื่นเลย
แล้วทำไมเค้าถึงฟังเราไม่เข้าใจหล่ะครับ นั่นเพราะว่า "เราพูดแบบ Thailand Style ไงละครับ" แต่มันเป็นเรื่องปกติครับ เพราะเราไม่ได้เกิดที่ประเทศเค้า (ถึงแม้จะเกิดที่ประเทศเค้า บางคนก็ยังต้องฝึกพูดให้ชัดเลยครับ) เหมือนคนจีนที่หัดพูดภาษาไทย หรือฝรั่งที่หัดพูดภาษาไทยเหมือนกันนั่นแหละครับ ไม่ต้องอธิบายเพิ่มก็เห็นภาพเลยใช่มั้ย เพราะฉะนั้นการเรียนภาษาต่างชาติ หรือ foreign language (ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาของชาติเรา) เราก็ต้องฝึกซ้อมเหมือนกันทุกคนนั่นแหละครับ ซึ่งบางชาติเค้าฝึกยากกว่าเราอีก บางชาติเค้าออกเสียงบางอย่างไม่ได้ หรือเค้าออกได้ไม่ชัด อย่างเช่น คนญี่ปุ่นที่จะพูดภาษาอังกฤษ ถ้าใครที่เคยฟังคนญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษจะเข้าใจดี เค้าอาการหนักกว่าเราเยอะครับ เพราะเค้ามี "คาตาคานะ" หรือภาษาญี่ปุ่นที่เลียนเสียงจากภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างเช่น 'ice cream' หรือที่บ้านเราเรียกว่าไอติมอ่านะ เค้าอ่านว่า 'ไอ-สุ-คู-ริ-มุ' งงเลย = =" มีอีกเยอะเลยครับถ้าลองเรียนภาษาญี่ปุ่นจะเข้าใจ (เดี๋ยวในอนาคตผมจะเขียนรีวิวหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นให้นนะครับ)
ซึ่งผมมีหนังสือที่จะแนะนำเพื่อแก้ปัญหานี้ครับ หนังสือนี้มีชื่อว่า 'American Accent Training' โดย Ann Cook ที่จริงแล้วผมมีสองเล่มนะ เป็นอีกคนเขียนนึงแต่เป็นของสำนักพิมพ์ Barron เหมือนกัน แต่หนังสือเล่มนั้นอยู่ที่พ่อของผมครับ ผมแนะนำให้พ่อผมหัดเหมือนกัน ถึงแม้ท่านจะอายุ 62 แล้วก็ตาม แต่เชื่อผมครับ "ยังไม่สายที่จะเรียนรู้เสมอ" ขนาดผู้พันที่คิดค้น KFC เค้ายังค้นพบมันตอนเค้าแก่แล้วเลย และเขาก็ล้มเหลวตั้งหลายครั้งกว่าจะมีคนยอมรับไอเดียของเขา ถือว่าเป็นอีกบุคคลที่น่าศึกษาเลยทีเดียวครับ (เหมือนเดิมเอาไว้ Blog หน้านะ แหะๆ ^^")
กลับมาที่หนังสือเล่มนี้กันครับ หนังสือเล่มนี้เค้าจะมี Audio CD ให้ 5 แผ่น ซึ่งถ้าจะให้ได้ผลเพื่อนๆก็ต้องฟังต้องซ้อมทุกวันครับ ผมก็เลยเอาใส่ใน iPod ของผม ระหว่างนั่งรถไปทำงานผมก็เปิดฟังทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย ตอนอาบน้ำก็ฟังได้ ลองออกเสียงตาม ได้ยินเสียงตัวเองด้วยว่าชัดรึเปล่า ลองหาเวลาเหล่านี้ดูครับ วันละนิดวันละหน่อย แต่นานๆไปก็เยอะนะ หนังสือของ Barron เกือบทุกเล่มจะสอนว่าให้เราใช้เวลาไม่มากในการศึกษาแต่เราทำทุกวัน ดีกว่าเราทำทีเดียว (เหมือนอ่านหนังสือใกล้สอบอ่าครับ เข้าใจกันนะ 55) มันไม่ค่อยได้อะไร ยกตัวอย่างง่ายๆคือ ทำวันละ 1 ชั่วโมง ดีกว่าทำวันเดียวในหนึ่งสัปดาห์ 7 ชั่วโมงนะ (อ้วกแตกพอดี - -") ซึ่งในหนังสือมีการยกตัวอย่างที่ชัดเจน และบางอย่างที่เราไม่เคยรู้เลย เช่น อันที่จริงภาษาอังกฤษมันมีทำนอง หรือ 'intonation' เหมือนกันนะ ต้องลองฟังดูครับ เหมือน โด-เร-มี อ่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงต้องลองฟังเองครับ
หนังสือเล่มนี้ผมหาซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬานะครับ ใครสนใจลองหามาอ่านมาฟังดูได้ครับ พัฒนาทีละนิดทุกๆวัน เดี๋ยวก็เก่งได้ครับ เหมือนทีผมมักพูดเสมอว่า "ถ้าอยากเก่ง ให้ถามว่าวันนี้เราเรียนรู้อะไร 'มากกว่า' เมื่ออวานแล้วหรือยัง? ไม่ต้องมากครับ แต่ขอให้มากกว่าเมื่อวานก็พอ" เท่านี้เพื่อนๆทุกคนก็สามารถเป็นคนเก่งได้แล้วครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น