ไม่อยากจนต้องทำงัยนะหรอครับ ง่ายๆก็แค่มีเงินจริงไหมครับ แล้วจะมีเงิน หรือเงินเหลือต้องทำยังไง? ก็แค่มีรายรับมากกว่ารายจ่ายแค่นั้นเอง (วิธีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายผมได้กล่าวคร่าวๆไว้ใน Blog : "การทำอะไรโดยไม่วางแผน เท่ากับวางแผนที่จะล้มเหลว" ) แล้วทำอย่างไรถึงจะมีรายรับมากกว่ารายจ่ายหล่ะ ง่ายๆครับ "ไม่ซื้อหนี้สิน" งัยครับ
Blog นี้ผมจะแนะนำถึงความรู้จากหนังสือเล่มแรกในชุดพ่อรวยที่ผมอ่านแล้วถึงกับต้องติดตามหนังสือของเขาทุกเล่มเลย เพื่อนๆยังจำ Blog ที่ผมเขียนถึงหนังสือวิชาเศรษฐี ของพังฮยอนชอล อันนี้ ได้ไหมครับ อันที่จริงทั้ง Robert และ พังฮยอนชอล ก็สอนไว้คล้ายๆกันเลยครับ คือ "ทรัพย์สิน = รายได้ - รายจ่าย" หลายๆคนคงคิดว่าถ้ามันง่ายอย่างงั้นคนก็รวยกันทั้งโลกแล้วอ่าดิ ก็ถูกส่วนนึงครับ แต่คนส่วนใหญ่แค่รู้แต่ยังไม่เข้าใจครับ
ทำไมผมถึงพูดแบบนี้หรอครับ เอาง่ายๆ อยากได้ Iphone มั้ย รุ่นใหม่มาก็อยากได้รุ่นใหม่อยู่เสมอ จริงมั้ยครับ ถ้ามีตังค์เหลือก็จะนำไปซื้อมัน นี่แหละครับหนี้สิน หรือรถยนต์ แน่นอนใครๆก็อยากมี มีแล้วสะดวกสบายจะตาย หลายคนคิดแต่ว่าซื้อรถราคาสมมติล้านนึงแล้วจบ มันไม่จบแค่นั้นสิครับ มันมีค่าประกันรถ ค่าเช็ค ค่าซ่อม ค่าน้ำมัน ฯลฯ เห็นรึยังว่าทำไมคนถึงจน ผมเปรียบเทียบง่ายๆนะครับ สมมติถ้าต้องไปทำงาน เพื่อนๆใช้บริการ taxi สมมติผมให้วันละ 200 รวมไปกลับ เดือนนึงก็ 6,000 บาท (30*200) ปีละ 72,000 บาท (15,000*12) 5 ปี รวมเป็นเงิน 360,000 บาท แล้วถ้าเพื่อนซื้อรถยนต์สักล้านนึง แล้วอีกห้าปีมูลค่ามันคงเหลือประมาณ 50% หรือ 5 แสนบาท ซึ่งแสดงว่าเพื่อนๆเสียเงินไปแล้ว 5 แสนบาทจริงมั้ยครับ? เห็นมั้ยใช้ taxi คุ้มกว่าเยอะเลย ไม่ต้องเสี่ยงในการชนกับคนอื่นด้วย ชนเราก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หลายคนอาจเถียงเรื่องความปลอดภัยครับ อันนี้ผมไม่เถียงนะ แต่อยากให้เพื่อนๆลองลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นดูครับ เช่นอะไรไม่จำเป็นก็ยังไม่ต้องซื้อก่อน และถ้ามีตังค์พยายามซื้อทรัพย์สิน อย่าซื้อหนี้สิน และแยกสองอย่างนี้ให้ออก แล้วสองอย่างนี้จริงๆแล้วมันต่างกันอย่างไรหล่ะ เดี๋ยวผมมาเขียนให้อ่านใน Blog หน้าครับ พอดีผมต้องออกไปข้างนอกก่อนอ่า ^^" แล้วเจอกัน Blog หน้าครับ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น