มาต่อกันครับกับหนังสือเล่มสีส้มสีสันสะดุดตาเล่มเดิมครับ วันนี้ผมจะเริ่มด้วยแง่คิดของความอิจฉาครับ คิมรันโดเค้าบอกว่า "จงอิจฉาแล้วเอาชนะมัน" เค้าหมายความว่ายังไงอ่ะ? ทำไมเราต้องอิจฉา? มันไม่ดีไม่ใช่หรอ? ก็ใช่ครับ แต่เราเปลี่ยนให้มันเป็นสิ่งที่ดีได้นิครับ คิมรันโดเค้าเล่าว่า สมัยก่อนผู้คนประเทศเค้าอยู่ด้วยความยากลำบาก ซึ่งคนสมัยนี้มักไม่เข้าใจความลำบากเหล่านั้นเท่ากับคนสมัยก่อน (ผมว่าประเทศไทยเมื่อก่อนก็ลำบากเหมือนกันนะ แม่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยแม่ ไข่ต้มลูกกเดียวยังต้องแบ่งกันหกคนเลย ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้กินกันคนละสองสามลูก - -") จึงทำให้เกิดความอิจฉาขึ้นว่าทำไมบางคนเค้ามีอันจะกินจัง ทำไมเราไม่มีอย่างเค้า "เค้าคงมีพ่อแม่ที่รวย" หรือ "โชคช่วยสินะ" บางคนก็เคยคิดแบบนี้จริงมั้ยครับ? แต่นั้นก็เป็นข้อดีถ้าเรารู้จักนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้เราก้าวต่อไปครับ เห็นเค้ารวย ผมอิจฉาอยากรวยอย่างเค้าบ้างอ่ะ ทีนี้ผมก็มานั่งคิดต่อว่าเค้าทำยังไงกัน ผมก็แค่ทำแบบเค้าจริงม่ะ? บางทีความอิจฉาก็ทำให้เราพัฒนาตนเองได้ครับ เพราะฉะนั้น คิมรันโดจึงบอกให้ "จงอิจฉาแล้วเอาชนะมัน" เพราะถ้าเราได้แต่อิจฉาแล้วยอมรับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันว่าเราจน ไม่มีทางรวยได้หรอก เราก็จะจนอยู่แค่นั้นไม่สามารถรวยกับเขาได้สักทีหรอกครับ เหมือนในหนังสือเรื่อง "The Secret" นั่นแหละครับที่เค้าเล่าว่าเราคิดยังไงก็จะได้อย่างงั้น อันที่จริงมีหนังสือหลายเล่มเลยทีเดียวที่เขียนแนวนี้นะ ลองหาอ่านดูเยอะๆครับ สนุกดี :)
อ่อ แล้วถ้าเพื่อนๆอยากรู้ว่าคนรวยเขาทำกันยังไง อ่านได้ที่ Blog นี้ครับ ซึ่งคนเขียนเค้าเป็นชาวเกาหลีเหมือนกันครับ ผมว่าเดี๋ยวนี้คนเริ่มศึกษาภาษาอื่นๆกันเยอะขึ้น จึงทำให้เราได้อานิสงส์ตามไปด้วย ถ้าเพื่อนๆอยากรู้โลกกว้าง ด้านภาษาก็สำคัญครับ ถ้าเพื่อนๆได้ด้านภาษาเพื่อนๆก็สามารถอ่านอะไรก็ได้ที่อยากอ่าน ไม่ต้องรอคนเค้านั่งแปลจริงไหมครับ? เริ่มจากภาษาอังกฤษก่อนเลยครับ เพราะผมเห็นหนังสือภาษาอังกฤษดีๆหลายเล่มมากที่น่าอ่าน อยากให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันดู เอาไว้ผมเขียน Blog หนังสือภาษาอังกฤษให้บ้างเป็นครั้งคราวนะครับ ซึ่งเพื่อนๆสามารถติดตาม Blog ที่รีวิวหนังสือเรียนภาษาอื่นๆได้ ที่นี่ เลยครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ ตอนนี้ยังมีอยู่ไม่กี่เล่ม แต่ผมสัญญาเดี๋ยวผมจะอัพให้เพิ่มครับ :)
สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านการรีวิวของหนังสือเล่มนี้ก่อนหน้านี้ คลิกที่นี่ ได้เลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น