หนังสือเล่มสีส้มที่มีชื่อว่า "เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด" โดย คิมรันโด เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ผมสนใจมาอย่างยาวนานแล้ว ทีแรกผมกะไว้ว่าจะซื้อตอนงานสัปดาห์หนังสือที่ใกล้จะถึงนี้ แต่หลังจากที่ผมได้ทำ Blog นี้ เพื่อนผมคนนึงเสนอให้ผมยืมของเขาไปอ่านก่อนได้ ซึ่งเค้ายังอ่านไม่จบ ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะได้ทำการรีวิวให้ตัวเองก่อนครับ โชคดีจริงๆเลย
หลังจากที่อ่านได้สักพัก ผมก็มาสะดุดตรงที่เขาสอนว่า "ให้รู้จักทำผิดพลาดเสียบ้าง" เพราะความผิดพลาดนั้นเปรียบเสมือนสินทรัพย์ 'ความผิดพลาด จะทำให้เราได้เรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าจะไม่ทำผิดพลาดอีกตลอดชีวิต แต่ต้องเรียนรู้ว่าจะต้องไม่ทำผิดในเรื่องเดิมๆซ้ำๆ การเรียนรู้จากความผิดพลาดจะทำให้เราเติบโตขึ้นทีะเล็กทีละน้อย สิ่งนี้คือการพึ่งดวงที่แท้จริง' เห็นมั้ยครับว่าหนังสือแทบทุกเล่มที่เขียนแนวนี้ เขามักเขียนคล้ายๆกันหมด เพียงแต่ใช้คำพูดและตัวอย่างที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากให้เพื่อนๆมานั่งสงสัยว่า "ทำแล้วจะดีมั้ย?" "ถ้าทำไปแล้วไม่ได้อะไรหล่ะ" "ทำไปก็ไม่ได้อะไรหรอก" สิ่งเหล่านี้คือความคิดในแง่ลบครับ ความคิดในแง่บวกของผมแนะนำผมเสมอว่า "ก็แค่ลองทำ ดีกว่าอยู่เฉยๆ" จริงมั้ยครับ คล้ายๆสโลแกนของ Nike นั่นแหละครับ "Just Do It!" ก็แค่ทำมัน ง่ายแค่นี้เอง จริงไหมครับ :)
อีกแนวคิดนึงที่ผมชอบมากคือ "เงินก็เหมือนกับเซ็กซ์ ถ้าหมกมุ่นจนเกินพอดี ชีวิตอาจพังพินาศได้" คือเค้าสอนให้เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งทำงาน ไม่ควรหมกมุ่นเรื่องเงินมากจนเกินไป เพราะตอนนี้เรายังหาเงินได้ไม่มากขนาดที่จะต้องบริหาร แต่เราควรจะ "เพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง" ก่อน เพราะถ้าตัวเรามีคุณค่ามากๆแล้ว จะหาเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็หาได้ ถึงเวลานั้น พอมีเงินมากพอสมควรจึงค่อยบริหารก็ยังทันครับ
และคิมรันโดยังได้ให้คำพูดเด็ดๆอีกประโยคหนึ่งทีว่า "ถ้าไม่มีเป้าหมายก็ไม่มีความหมาย ถ้าวิธีทำไม่ถูกต้องก็ไร้ค่า และถ้าไม่ลงมือปฏิบัติจริงก็ไม่มีทางสำเร็จได้" ซึ่งอันนี้เป็นประโยคที่ผมมักพูดบ่อยๆว่า ถ้าเพื่อนๆมีความฝัน ผมก็อยากให้เพื่อนๆลองเริ่มทำตามความฝันนั้นๆดู เพราะถ้าเพื่อนๆไม่เริ่มมันจะสำเร็จได้ไง จริงมั้ยครับ? ลองดูครับแค่เริ่ม ตอนแรกอาจจะยากหน่อย เหมือนที่ผมเขียน Blog นี้ตอนแรกผมค่อนข้างกังวลมาก ว่าจะเขียนอะไรดี คิดนู้นคิดนี้ มีอยู่พักนึงผมจึงคิดได้ว่าลองทำๆดูก่อนไม่เสียหาย ทำไปทำมาผมก็ทำจนถึงทุกวันนี้อ่าครับ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเลย ทั้งๆที่ทำฟรี ไม่ได้เงินจากการทำ Blog นี้นะครับ เมื่อเพื่อนๆลองทำอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ทำเพื่อเงินเพื่อนๆจะเข้าใจเองครับว่ามันสนุกมากแค่ไหน แต่ชีวิตก็ต้องกินต้องใช้นะครับ ผมก็ทำงานไปด้วย ทำ Blog นี้ไปด้วย ว่าจะเรียนต่อปริญญาโทไปด้วย ผมเอาเวลามาจากไหนนะหรอ? ไม่ยากครับ แค่แบ่งเวลาให้เป็นตามที่ 'หนูดี วนิษา เรซ' บอก แค่นี้ก็มีเวลาเหลือทำอื่นๆอีกเยอะแยะเลย :) ลองเริ่มทำอะไรสักอย่างที่เพื่อนๆอยากทำดูครับ ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย ก็แค่เริ่มที่จะทำมัน (Just Do It!) ขอบคุณครับ
อีกแนวคิดนึงที่ผมชอบมากคือ "เงินก็เหมือนกับเซ็กซ์ ถ้าหมกมุ่นจนเกินพอดี ชีวิตอาจพังพินาศได้" คือเค้าสอนให้เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งทำงาน ไม่ควรหมกมุ่นเรื่องเงินมากจนเกินไป เพราะตอนนี้เรายังหาเงินได้ไม่มากขนาดที่จะต้องบริหาร แต่เราควรจะ "เพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง" ก่อน เพราะถ้าตัวเรามีคุณค่ามากๆแล้ว จะหาเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็หาได้ ถึงเวลานั้น พอมีเงินมากพอสมควรจึงค่อยบริหารก็ยังทันครับ
และคิมรันโดยังได้ให้คำพูดเด็ดๆอีกประโยคหนึ่งทีว่า "ถ้าไม่มีเป้าหมายก็ไม่มีความหมาย ถ้าวิธีทำไม่ถูกต้องก็ไร้ค่า และถ้าไม่ลงมือปฏิบัติจริงก็ไม่มีทางสำเร็จได้" ซึ่งอันนี้เป็นประโยคที่ผมมักพูดบ่อยๆว่า ถ้าเพื่อนๆมีความฝัน ผมก็อยากให้เพื่อนๆลองเริ่มทำตามความฝันนั้นๆดู เพราะถ้าเพื่อนๆไม่เริ่มมันจะสำเร็จได้ไง จริงมั้ยครับ? ลองดูครับแค่เริ่ม ตอนแรกอาจจะยากหน่อย เหมือนที่ผมเขียน Blog นี้ตอนแรกผมค่อนข้างกังวลมาก ว่าจะเขียนอะไรดี คิดนู้นคิดนี้ มีอยู่พักนึงผมจึงคิดได้ว่าลองทำๆดูก่อนไม่เสียหาย ทำไปทำมาผมก็ทำจนถึงทุกวันนี้อ่าครับ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเลย ทั้งๆที่ทำฟรี ไม่ได้เงินจากการทำ Blog นี้นะครับ เมื่อเพื่อนๆลองทำอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ทำเพื่อเงินเพื่อนๆจะเข้าใจเองครับว่ามันสนุกมากแค่ไหน แต่ชีวิตก็ต้องกินต้องใช้นะครับ ผมก็ทำงานไปด้วย ทำ Blog นี้ไปด้วย ว่าจะเรียนต่อปริญญาโทไปด้วย ผมเอาเวลามาจากไหนนะหรอ? ไม่ยากครับ แค่แบ่งเวลาให้เป็นตามที่ 'หนูดี วนิษา เรซ' บอก แค่นี้ก็มีเวลาเหลือทำอื่นๆอีกเยอะแยะเลย :) ลองเริ่มทำอะไรสักอย่างที่เพื่อนๆอยากทำดูครับ ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย ก็แค่เริ่มที่จะทำมัน (Just Do It!) ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น