หนังสือเล็กๆที่อันแน่นไปด้วยแง่คิด

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556



         วันนี้ผมมีหนังสือมาอีกเล่มนึง เล่มนี้ผมซื้อระหว่างนั่งรอรถทัวร์กลับบ้านครับ ตอนที่ซื้อผมไม่ได้คิดอะไรมาก กะว่าจะอ่านเล่นๆ เล่มนึงไม่กี่บาท อีกอย่างหนังสือเล่มนี้ก็รวมนักเขียนไว้หลายคนซึ่งทีแรกผมไม่ทราบว่าเป็นนักเขียน Best seller ของสำนักพิมพ์เค้าเลย ซึ่งข้อดีของหนังสือเล่มนี้เลยก็คือ เค้าได้รวบรวมแนวคิดของหนังสือประเภท how to ไว้เกือบจะทุกเล่มที่ผมเคยอ่านครับ เช่น คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก ที่เป็นหนังสือ best seller ของ SE-ED ตลอดกาล และข้อคิดที่ได้จากหนังสือชุดพ่อรวยก็อยู่ในนี้ด้วย ผมไม่สามารถยกตัวอย่างได้หมด เพราะอย่างที่ผมบอกไป ว่าหนังสือทุกเล่ม มักสอนคล้ายๆกัน เพียงแต่ยกตัวอย่างประกอบ และ คำพูดที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง (เหมือนที่ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีนั่นเองครับ)

        หนังสือ "ฝันให้ไกล ไปให้ถึง" ได้รวบรวมคำสอนของนักเขียนแต่ละคนที่มีลีลาการเขียนที่แตกต่างกัน ซึ่งผมขอยกตัวอย่างเด็ดๆของแต่ละคนให้ผู้อ่านได้ลองอ่านกันครับ

          เรื่องนำเรื่องแรกเลยครับ "เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ" อันนี้ผมขอเล่าตามเค้าเลยแล้วกันนะครับ จะได้ไม่สูญเสียเนื้อหาไป เรื่องมีอยู่ว่า
            เหล่าลูกศิษย์ถามพระอาจารย์ว่า "ทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ"
           อาจารย์จึงพูดว่า "วันนี้พวกเราจะเรียนเรื่องธรรมดาๆและง่ายที่สุด" ให้ทุกคนแกว่งแขนไปข้างหน้าให้สุด แล้วแกว่งไปข้างหลังให้สุดเช่นกัน พระอาจารย์สาธิตให้ดู พร้อมกำชับว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้แกว่งแขนวันละ 300 ครั้ง ทุกคนทำได้หรือเปล่า?"
             เหล่าลูกศิษย์รู้สึกสงสัยจึงถามว่า "ทำไมต้องทำเรื่องอย่างนี้"
            พระอาจารย์ตอบว่า "หลังจากทำเรื่องนี้แล้ว ผ่านไปหนึ่งปี พวกเจ้าจะรู้ว่า ทำอย่างไรจึงจะประสบผลสำเร็จ"
            เหล่าลูกศิษย์คิดในใจว่า "เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ทำไมถึงจะทำไม่ได้"
            หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน พระอาจารย์ถามเหล่าลูกศิษย์ว่า เรื่องที่อาจารย์สั่งให้ทำ มีใครยังทำอยู่หรือเปล่า? ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ตอบอย่างมั่นคงว่า ยังทำอยู่ พระอาจารย์รู้สึกพอใจ พยักหน้าบอกว่า "ดีๆ"
           และเมื่อผ่านไปอีกเดือนหนึ่ง พระอาจารย์ก็ถามอีกว่า "ตอนนี้ใครยังทำอยู่อีก" ที่สุดก็เหลือเพียงครึ่งเดียวที่บอกว่ายังทำอยู่
          หนึ่งปีผ่านไป พระอาจารย์ถามทุกคนว่า "พวกเจ้าบอกซิว่า การออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขน แบบง่ายๆ ยังมีใครทำอยู่?"
           ตอนนี้มีเพียงคนเดียว ที่ตอบว่า ยังคงทำอยู่
         พระอาจารย์จึงพูดว่า "อาจารย์เคยบอกกับพวกเจ้าว่า เมื่อทำเรื่องนี้สำเร็จ พวกเจ้าจะรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ ตอนนี้สิ่งที่อาจารย์อยากจะบอกพวกเจ้าคือ เรื่องที่ทำง่ายที่สุดในโลก บ่อยครั้งก็เป็นเรื่องที่ทำยากที่สุด เรื่องที่ทำยากที่สุดที่บอกว่าง่าย เพราะขอเพียงยอมทำ ใครๆก็สามารถทำได้ และที่บอกว่าเรื่องง่ายทำยาก ก็เพราะว่า คนที่ทำได้อย่างแท้จริงต้องทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่น้อยคนจะทำได้
         หลังจากนั้น พระรูปที่ทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอก็ได้เป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป ในบรรดาศิษย์ทั้งหลายมีพระรูปนี้ที่ประสบความสำเร็จอยู่รูปเดียว
              ความสำเร็จมีเคล็ดลับอยู่ไม่กี่อย่าง และหนึ่งในสิ่งที่ง่ายที่สุดแต่ทำได้ยากที่สุดก็คือ การลงมือทำสิ่งง่ายๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คือ "ความขยัน หมั่นเพียร ไม่ย่อท้อ" นั่นเอง

               เห็นมั้ยครับ คล้ายๆสิ่งที่ผมบอกกับเพื่อนๆใน Blog : ทำไมฝรั่งถึงฟังเราผู้ภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง? ซึ่งผมได้บอกไว้ว่า "ถ้าอยากเก่ง ให้ถามว่าวันนี้เราเรียนรู้อะไร 'มากกว่า' เมื่อวานแล้วหรือยัง? ไม่ต้องมากครับ แต่ขอให้มากกว่าเมื่อวานก็พอ" เห็นมั้ยครับ อันที่จริงง่ายๆแค่นี้ แค่ต้องทำให้ต่อเนื่องเท่านั้นเอง เพื่อนๆลองหาเป้าหมายสักอย่างที่เพื่อนๆอยากทำให้สำเร็จสิครับ เหมือนผมอยากมีหุ่นที่ดี ทุกเช้าผมก็จะออกกำลังกายง่ายๆ วิดพื้น ซิทอัพ ไม่มากแต่ทำทุกวันครับ ผมก็มีหุ่นที่ฟิตและเฟิร์มง่ายๆ ไม่ต้องเสียตังค์ด้วย

              ทีนี้มาถึงนักเขียนคนแรกบ้างครับ กับคุณพรหมมาตร์ ชายสิม ผมชอบประโยคที่เค้ากล่าวว่า "หนทางไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ" หากสู้ไม่ถอย เหนื่อยแต่ไม่ท้อ พักเหนื่อยแต่ไม่เลิก สิ่งที่คุณฝันไว้จะสูงแค่ไหนก็ไปถึงได้ อยากให้เพื่อนลองอ่านช้าๆอีกสักรอบ ข้อความของเค้านั่นมันคือความจริงเพียวๆเลยครับ เพื่อนๆจำกระต่ายกับเต่าได้รึเปล่า เต่าแค่พยายามเรื่อยๆ ไม่ท้อไปเรื่อยๆถึงแม้จะช้าแต่ก็ถึงก่อนกระต่ายที่เปรียบเสมือน คนที่ทำอะไรรวดเร็ว แต่ไม่มีความอดทน ทำได้ครึ่งๆกลางๆเดี๋ยวก็เลิก คนประเภทนี้มักประสบความสำเร็จได้ยากครับ

             นักเขียนคนที่สอง คุณไพศาล ถนอมอารมย์ ผมชอบประโยคที่เค้าบอกว่า "วันนั้นจะไม่มีวันมาถึงหรอก เพราะหากคุณเอาแต่เฝ้ารอคำตอบจากอะไรสักอย่าง คุณก็จะได้แค่รอคอยต่อไปเช่นนั้น" เพราะประโยคนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังสือ "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก" ผมได้นิสัยการทำจริงอะไรจริงให้เริ่มทำทันที และคิดแผนสำหรับอนาคตจากหนังสือเล่มนี้ครับ เหมือนที่ผมเคยบอกเพื่อนๆไปแล้วว่า "มันยากแค่ตอนเริ่ม ทำไปทำมาเดี๋ยวมันง่ายเอง ขอแค่เริ่มทำมันครับ" เพื่อนๆลองคิดดูว่าอยากทำอะไร ที่อยากทำมานานแล้ว ลองทำมันดูสิครับไม่เสียหายนิ ชีวิตเราเองเนอะ

        นักเขียนคนที่สามคือ ร้อยโท สุชิน ยาปัน เค้าได้กล่าวเอาไว้ว่า "ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณคิดว่าทำได้ คุณก็จะทำมันได้จริง" ผมว่าเพื่อนๆหลายคนคงเคยได้ยินกันบ้างแหละ ซึ่งบทความนี้จะไปสนับสนุนกับบทความของคุณไพศาล แต่เค้าได้เพิ่มขึ้นมาอีกนิด ว่ามีเป้าหมายแล้วทำอย่างไรเราจะไปถึงจุดที่เราวาดไว้ เหมือนที่ผมชอบบอกเพื่อนๆผมเสมออยู่ครับ "เพื่อนๆมีเป้าหมายอยู่อันนึง เพื่อนๆต้องรู้ก่อนว่ามันอยู่ตรงไหน สมมติว่าอยู่ชั้น 11 ทีนี้เราก็จะรู้ว่าเป้าหมายของเราอยู่ห่างจากเราเท่าไหร่ สมมติว่าเเราอยู่ชั้น 1 เพราะฉะนั้นเราก็ห่างจากเป้าหมาย 11 ชั้นครับ พอรู้ระยะห่างแล้วทีนี้มันต้องผ่าน ชั้น 1, 2, 3, ... ไปเรื่อยๆจนถึงชั้น 11 แต่มันไม่ได้แค่บันไดนิครับ เพื่อนๆจะขึ้นลิฟต์ก็ได้ไม่ว่ากัน ซึ่งก็คือทางลัดครับ เร็วกว่าและเหนื่อยน้อยกว่าอีกด้วย"

       ยังมีอื่นๆอีกมากมายเลยครับ ซึ่งผมต้องเขียนให้ใน Blog หน้าครับ เพราะผมถือแนวคิดที่ว่าอยากให้ผู้อ่านอ่านที่ละนิด อ่านเรื่อยๆ ไม่เบื่อ เหมือนที่ Robert เคยสอนให้เราหัดก้าวแบบ "Baby step" หรือค่อยๆก้าวทีละนิดครับ แต่ถ้าใครอยากได้เนื้อหาแบบเต็มๆ ลองหาซื้อมาอ่านดูได้ครับ ไม่แพงๆ พกพาอ่านเล่นได้ทุกที่ครับ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น