- E ย่อมาจาก Employee หรือลูกจ้าง
- S ย่อมาจาก Self-employed หรือคนทำธุรกิจส่วนตัว
- B ย่อมาจาก Business Owner หรือเจ้าของกิจการ
- I ย่อมาจาก Investor หรือนักลงทุนนั่นเองครับ
แล้วมันมีความสำคัญยังไงหล่ะ เอามาบอกทำไมแค่ตัวย่อ คืออย่างงี้ครับ ที่มาของคำว่าเงินสี่ด้าน คืออักษรสี่ตัวนี้โดย Robert เค้าจะแยกออกเป็นฝั่งซ้ายและขวาครับ ซึ่งฝั่งซ้ายก็คือ ลูกจ้าง (E) และ คนทำธุรกิจส่วนตัว (S) ส่วนฝั่งขวาก็คือ เจ้าของกิจการ (B) และ นักลงทุน (I) แล้วแบ่งเพื่ออะไรหล่ะ ผมอธิบายให้ฟังเข้าใจง่ายๆดังนี้ครับ ฝั่งซ้ายคือคนที่ทำงานหรือออกแรงเพื่อหาเงินเอง ส่วนด้านขวาคือคนที่ให้อย่างอื่น ไม่ว่าจะคนอื่น หรือเครื่องจักรอัตโนมัติ หรือเงิน เอ๋? เงินทำงานให้เรางั้นหรอ? ผมเชื่อว่าบางคนคงเคยได้ยินนะ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินผมยกตัวอย่างง่ายๆครับ การฝากเงิน งัยครับ คุณฝากร้อยนึง ดอกเบี้ยสมมติสิบเปอร์เซ็นต่อปี ปีหน้าคุณก้อได้ ร้อยกับสิบบาทและ เห็นมั๊ยไม่ต้องเหนื่อยหาเงินเองเลย แต่ในความเป็นจริงดอกเบี้ยนั้นต่ำเตี้ยเรียดดินเสียเหลือเกิน ซึ่งมันก็มีหลายๆวิธีคับที่ทำให้ผลตอบแทน หรือ ROI เพิ่มสูงขึ้น (ROI ไม่ใช่ อาโออิ นะอย่าอ่านผิดมันย่อมาจาก return on investment ผลตอบแทนจากการลงทุนนั่นแหละครับ) ซึ่ง Robert มักย้ำให้ผู้อ่านฟังอยู่เสมอว่า อย่าสับสนระหว่าง "S" กับ "B" ถ้างั้นขอตัวอย่างง่ายๆแยกสองสิ่งนี้ชัดเจนได้มั้ย ได้เลยครับ S ก็พวกหมอฟันอ่า เพราะถ้าหมอลาหยุดเงินก้อไม่ได้ ส่วน B ก็พวกที่มีบริษัท เค้าสามารถลาหยุดไปเที่ยวดู Girl Gen ได้และผู้จัดการและพนักงานก้อยังทำเงินให้เค้าอยู่ เข้าใจขั้นไหมครับ? งั้นถ้าเราสร้างเครื่องปั๊มตังเหมือนอย่างฝั่งขวาได้ก็ดีสินะ ก็ถูกนั่นแหละครับ แต่จะทำยังไง ผมขอให้ผู้อ่านลองไปซื้อมาอ่านดู ผมอธิบายหมดหนังสือเค้าขายไม่ออกพอดี 55+ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงถูกขึ้นศาลแน่ เจอกันอีกทีในคุกไรงี้ - -"
เอาไว้คราวหน้าผมมาเกริ่นเพิ่มให้อีกสำหรับหนังสือเล่มนี้แล้วกันนะครับ ใครที่คิดว่าข้อมูลของผมไม่ถูกต้องก็ติหรือแชร์ความคิดเห็นมาได้ครับ เหมือนเดิมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะครับ ขอบคุณครับ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น