พูดถึงเกม Cashflow 101 และ 202 ผมรู้จักเกมนี้จากหนังสือชุดพ่อรวยครับ จะไม่ให้อดใจซื้อได้ยังไงหล่ะ เค้าเล่นเขียนไว้สะทุกเล่มเลย ไอเราก็อยากรู้อ่านะไปซื้อมาลองเล่นดู (แพงหูฉี่เลยครับ รวมค่าภาษีนำเข้าด้วยนะ อย่าให้พูดถึง T^T) หลังจากที่ผมได้ลองเล่นดูผมก็ได้เกริ่นๆไว้ใน Blog ของผมที่ชื่อตอนที่มีชื่อว่า "เรียนรู้จากการเล่นเกมส์" ซึ่งก็มีเพื่อนผมบางคนสนใจ เพราะผมเคยให้เค้ายืมหนังสือพ่อรวยเล่มแรกไปอ่าน เค้าก็กระตือรือร้นอยากได้เกมส์นั้นขึ้นมาทันที ผมเคยซื้อมาแล้วก็เลยซื้อให้เขาและให้เขามารับไป ได้ผลยังไงเอาไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ
แต่ใน Blog นี้ผมจะเล่าถึงสิ่งที่ผมเล่นแล้วผมได้ให้เพื่อนฟังกันครับ (ถ้าใครสนใจสามารถซื้อได้ทางเว็บของ Robert ได้เลยครับ ผมไม่ได้ส่วนแบ่งอยู่แล้ว :) แต่ถ้าใครทำไม่เป็นสามารถถามผมได้ครับ เพราะมันต้องใช้บัตรเครดิตในการซื้ออ่า)
Cash flow 101 (ต้องเล่นอัน 101 ก่อนไปเล่น Cashflow 202 นะครับ และ Cashflow 202 ต้องใช้บอร์ดของ Cashflow 101 ด้วย) ซึ่งภายในเกมจะประกอบด้วยกระดาษที่จะให้ผู้เล่นสุ่มอาชีพ เช่น อาชีพขับรถบรรทุกก็จะมีเงินเดือนน้อยกว่า แต่ค่าใช้จ่ายก็น้อยกว่าด้วย เพราะภาษีเค้าเสียน้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น เงินเดือน $100 รายจ่าย $80 แสดงว่าทุกเดินจะได้เงินสดเพิ่มมา $20 (จะได้เมื่อผ่านตำแหน่ง paycheck) ส่วนอาชีพนักบิน อาจจะได้สัก $1,000 รายจ่าย $880 ก็จะได้เงินสดทุกเดือน เดือนละ $120 อ่าวงั้นได้เป็นนักบินก็โกงกว่าสิ ป่าวเลยครับ เพราะการที่คุณจะออกจากสนามแข่งหนูได้ คุณต้องทำให้เงินที่คุณลงทุนในธุรกิจ, บ้านเช่า หรือหุ้น ทำเงินรายเดือนให้คุณได้เท่ากับหรือมากกว่ารายจ่ายที่เราจ่ายทุกเดือน (เช่นคนขับรถบรรทุกต้องทำแค่ $80 แต่นักบินต้องทำสูงถึง $880) ซึ่งส่วนที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ เกมนี้ผู้เล่นต้องแข่งกับตัวเองครับ และต้องมีผู้เล่นคนอื่น check สถานะบัญชีของคุณด้วย ว่าคุณกรอกถูกหรือเปล่า ประมาณว่าๆสมจริงมาก ซึ่งใครจะออกได้เร็วกว่าใครขึ้นอยู่กับ "สูตรความสำเร็จ" ของแต่ละคนครับ เช่นของผม ผมชอบซื้อหุ้นตอนมันราคาถูกเยอะๆ แล้วขายตอนมันราคาขึ้น แล้วเอามาลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซึ่งบางทีสูตรของแฟนผมก็เอาชนะผมได้ แต่ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของแต่ละคนครับ :)
แล้วมันก็มีการ์ดคล้ายๆกับการ์ดเสี่ยงโชคของเกมเศรษฐี (Monopoly) ที่มี Community Chest กับ Chance แต่ในเกมนี้จะมีอยู่ 4 อย่างด้วยกัน (เยอะเนอะ - -")
- Big deal อันนี้จะเหมือนกับคุณได้โอกาสในการลงทุน เหมือนกับมีคนมาขายบ้านให้คุณปล่อยเช่าแล้วมันช่วยให้คุณได้เงินต่อเดือนเพิ่มเดือนละ $100 (คิดคล้ายๆกับ คุณซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่าหลังนึง คุณต้องเสียเงินดาวน์ $10,000 และเสียเงินผ่อนบ้าน ค่าภาษี ค่าซ่อมบ้าน และอื่นๆเฉลี่ยเดือนละ $1,000 แต่คุณปล่อยเช่าเดือนละ $1,100 แสดงว่าคุณได้เงินเข้ากระเป๋าเดือนละ $100)
- Small Deal อันนี้เหมือนกับ Big Deal เลย แต่จะมีหุ้นด้วย แต่ที่แตกต่างกันคือเงินที่ใช้ในการลงทุน ถ้าลงทุนใน Small Deal ใช้เงินประมาณ $10-$5,000 แต่ถ้า Big Deal จะอยู่ที่ $6,000 ขึ้นไป ส่วนมากที่ผมจับได้จะอยู่ที่ $10,000 ขึ้นไปทั้งนั้นแต่ผลตอบแทนก็มากกว่าด้วย
- Market คือโอกาสที่มีคนสนใจจะซื้อบ้านหรือธุรกิจของคุณโดยจ่ายผลตอบแทนให้สูงมาก
- Doodad คือรายจ่ายที่จะต้องจ่าย เช่น ซื้อที่วี ซื้อจักรยาน หรือเเม้กระทั่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เราไม่คาดคิดมาก่อน เช่น ค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีการมีลูกด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายก็เพิ่มอีก ทำให้คุณต้องหาธุรกิจที่จะสร้างกระแสเงินสดให้คุณมากกว่า เพื่อให้พอจ่าย และยังมีการบริจาคเพื่อให้สามารถเราได้ลูกเต๋าเพิ่มอีกลูก เพื่อให้เรารับเงินเดือนได้ไวขึ้น (การบริจาคนี้สำคัญมากนะครับ ทำให้เราได้อะไรหลายๆอย่างเลย)
เมื่อคุณหลุดจากสนามแข่งหนู (Rat Race) แล้วคราวนี้ก็ถึง Fast Track แล้วครับ ซึ่งคุณหาตังค์ได้ง่ายมากในช่วงนี้ ง่ายกว่าตอนอยู่ในสนามแข่งหนูเยอะมาก อยากรู้ว่าเป็นยังไงลองซื้อมาเล่นกันดูครับ หรือลองแชร์กับเพื่อนๆหลายคนช่วยกันออกก็ได้ครับ Robert เค้าบอกไว้ว่าถ้าไม่ตั้งราคาให้แพง คนจะไม่จริงจังกับมัน เค้าอยากให้คนที่ซื้อเพราะอยากจะเรียนรู้จากมันจริงๆ เพราะมันไม่เหมือนเกมส์อื่นๆ เพราะนี้คือเกมชีวิตจริงครับ
ส่วนเกมส์ Cashflow 202 นั้นจะยากกว่าท้าทายกว่า ให้คิดเยอะกว่าในเรื่องของการลงทุนเรื่องหุ้น แต่คร่าวๆก็จะคล้ายๆกันครับ แต่ Cashflow 202 จะทำให้คุณได้ skill มากขึ้นกว่าตอนเล่น Cashflow 101 ซึ่งถ้าเล่น 202 แล้วกลับไปเล่น 101 จะเห็นได้ชัดเลยครับ
สุดท้ายผมก็อยากให้คิดว่า ความรู้คือการลงทุนอย่างนึง Robert เค้ามักเล่าอยู่เสมอว่า เค้าเสียค่าอบรมสัมมนา $300 ซึ่งเพื่อนๆเค้าบอกว่าแพง (แต่เอาตังนั้นไปซื้อหนี้สิน เช่น มือถือ เป็นต้น) ซึ่ง Robert บอกว่า เค้าทำเงินได้จากการอบรมครั้งนั้น ได้เป็นหลายล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ซึ่งทำไมไม่ลองถามตัวเองดูหล่ะครับ ว่าทำไมจะไม่หล่ะ (Why not?) อย่างที่ Derek Bok อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดบอกไว้ว่า "ถ้าคุณคิดว่าการศึกษามีราคาแพง ก็ลองจ่ายราคาของความไม่ฉลาดดูสิ"
เกมนี้เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆเลยจากเจ้าของBlogนี้เลย คิดซะว่าเอาเงินที่จะไปซื้อมือถือ เอาเงินออมมาลงทุนกับเกมนี้ดีกว่า
ตอบลบ