วันนี้ผมจะกลับมาแนะนำแง่คิดที่ได้จากหนังสือเล่มส้มเล่มเดิมครับ แต่ผมคงยกตัวอย่างได้ไม่ดีเท่าที่หนังสือเค้ายกนะครับ ใครอยากอ่านฉบับเต็มลองหาซื้อได้ที่้รานหนังสือทั่วไปครับ ไม่แพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราได้นะครับ แต่ความรู้นั่นจะไม่มีค่าถ้าเพื่อนๆไม่นำมันไปใช้ครับ สาเหตุที่ผมทำ Blog นี้ขึ้นมาก็เพื่อต้องการให้ความรู้ที่ผมมีนั้นมีคุณค่า ให้มีประโยชน์แก่คนอื่นๆ เพราะในหนังสือส่วนใหญ่ก็มักจะพูดถึงเรื่องในหนังสือเค้าอย่างเดียว แต่ผมจะนำแง่คิดที่สัมพันธ์กันจากหนังสือเล่มอื่นๆมาปนๆให้ด้วยครับ แต่อยากให้เพื่อนๆช่วยกันอุดหนุนนักเขียนเค้าบ้าง เพราะเค้าก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกับเราๆนี่แหละครับ ถ้าเพื่อนๆบอกว่าไม่มีตังค์ ผมอยากให้เพื่อนๆลองลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยดูครับ เพราะผมเชื่อว่าเพื่อนๆสามารถเก็บเงินไปซื้อได้ครับ เพราะหนังสือสมัยนี้ไม่ได้แพง ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 100-300 บาทครับ เก็บเงินสักแปบก็ได้แล้ว เพราะเราต้องจ่ายให้กับความไม่รู้แพงกว่าที่เราจ่ายเพื่อรู้เยอะมากครับ อีกอย่างหนังสือเล่มเดียวเพื่อนๆอาจจะแบ่ง(ไม่ได้ตัดแบ่งนะ - -") เพื่อนๆคนอื่นอ่านบ้างก็ได้ เรายืมเพื่อนบ้างก็ได้ จะได้อ่านหนังสือหลายๆประเภท เหมือนแง่คิดแรกที่ผมจะยกตัวอย่าง คิมรันโด เค้าพูดไว้ว่า"อย่าเอาแต่คร่ำครวญอยู่เพียงลำพัง จงหาข้อมูลที่หลากหลาย จงอ่านหนังสือทุกประเภท เพราะการตัดสินใจที่ดีมาจากข้อมูลที่ดี" เหมือนที่ตระกูล Samsung เค้าทำกันอ่ะครับ เค้าสอนให้ลูกฉลาดรอบด้านไม่จำเป็นจะต้องเก่งแค่ด้านเดียว ซึ่งผมได้เขียนไว้ใน Blog หนังสือที่มีชื่อว่า วิชาเศรษฐี (คลิกลิ้งได้ที่นี่ครับ) ไว้ก่อนหน้านี้แล้วครับ ซึ่งก็เป็นนักเขียนชาวเกาหลีเหมือนกันเลย ผมว่า ตั้งแต่มีซีรี่ย์เกาหลีเข้ามาเมืองไทย ทำให้คนไทยสนใจภาษาเกาหลีมากขึ้น จึงทำให้มีคนแปลงานเขียนดีๆของชาวเกาหลีมาให้อ่านกันมากขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีจริงๆครับ
ต่อมาอีกแง่คิดที่ผมสะดุดตาตอนอ่านมากก็คือคำพูดนี้ครับ "อย่ากลัวที่จะตกลงมา พื้นไม่ลึกเท่าที่คิด คุณยังเด็กอยู่ใช่ไหม ถึงแม้จะตกลงมาแล้วจะบาดเจ็บ แต่พักฟื้นไม่นาน เดี๋ยวก็หายเป็นปกติ" อันนี้ผมยกตัวอย่างให้เพื่อนๆเข้าใจง่ายๆเลย จากความคิดผมนะ แว้บแรกที่อ่านประโยคนี้ ทำให้ผมนึกที่คำพูดของแม่ผมเลย แม่ผมเค้ามักบอกว่า "ลูกยังเด็กลูกยังล้มได้อีกเยอะ เพราะลูกยังมีพ่อกับแม่อยู่ แต่ถ้าแม่ล้มแล้วใครจะเลี้ยงลูกหล่ะจิงไหม" มันก็จริงนะครับ เรายังเด็ก ถึงแม้จะพลาดยังไงก็ยังมีพ่อและแม่อยู่เสมอ ล้มแล้วก็แค่ลุกใหม่ ยิ่งอายุมากล้มแล้วยิ่งลุกยากนะครับ ซึ่งต่างกับเด็กสมัยนี้เลยที่คิดว่าการทำผิดพลาดเป็นเรื่องที่ผิด เหมือนเป็นแกะดำยังไงอย่างงั้น แต่เพื่อนๆรู้มั้ยครับว่าถ้าเพื่อนๆไม่ล้มเหลวก็ยากที่จะประสบความสำเร็จครับ เหมือน โทมัส เอดดิสัน งัยครับที่เค้าทดลองหลอดไฟแล้วล้มเหลวเป็นพันๆครั้ง แต่เพราะการทดลองที่ล้มเหลวทำให้เขาได้คิดหลอดไฟได้สำเร็จ ผมชอบคำพูดอยู่ประโยคนึงของเค้านะ เค้าบอกว่า "ผมแค่ค้นพบวิธีที่จะทำหลอดไฟไม่ได้ พันวิธีเท่านั้นเอง!" แทนที่เค้าจะมองว่าเค้าพลาดตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ถ้าไม่มีความผิดพลาดเหล่านี้เราอาจจะไม่ได้มีหลอดไฟใช้อย่างทุกวันนี้นะครับ และชื่อของเค้ายังจดจำไปอีกนาน คุ้มมั้ยครับกับการผิดพลาดพันๆครั้ง คุ้มจะตายจริงมั้ย ชื่อของเค้ายังคงเป็นที่รู้จักถึงทุกวันนี้ ผมจึงอยากให้เพื่อนๆเปลี่ยนแนวคิดดูว่า เราผิดบ้างก็ได้ บางทีมันไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด เหมือนอย่างที่ คิมรันโด เปรียบเทียบกับบ่อน้ำ มันแค่มืด มันอาจจะไม่ได้ลึกอย่างที่เราจินตการก็ได้
หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มนึงที่ผมอยากจจะแนะนำให้เพื่อนๆลองซื้อมาอ่านดูครับ เพราะผมก็เล่าได้ไม่สนุกเท่านักเขียนเค้าจริงๆหรอกครับ อ่านแล้วเพลินดีนะ เพื่อนๆสามารถเอาติดตัวไปอ่านเล่นได้เรื่อยๆ บทมันสั้นๆแต่ได้แง่คิด อ่านเรื่อยๆเดี๋ยวก็จบ ลองไปหามาอ่านกันดูนะครับ หนังสือเล่มนี้หาได้ไม่ยากหรอกครับ เพราะติดอันดับ Best Seller เลยเหมือนกันนะ ไม่ได้ดีแค่ตำแหน่งนะ เนื้อหาเค้ายังมีประโยชน์มากๆอีกด้วย สะท้อนถึงความเป็นจริงเลยหล่ะครับ :)
สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน Blog ของหนังสือเล่มนี้ก่อนหน้านี้ คลิกที่นี่ ได้เลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น